วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2561

"เครือข่ายคนอินทรีย์ฯ จุดธูปสาปแช่ง ร้องรัฐบาลแบนสารเคมีอันตราย"



   วันนี้(19 มิ.ย. 61) ที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ นายอำนาจ เกตุขาว แกนนำเครือข่ายคนอินทรีย์วิถีเมืองลุงและภาคีเครือข่ายร่วมเดินเท้าไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลประกาศแบนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชวัตถุอันตราย 3 ชนิดคือ พาราควอต-คลอร์ไพริฟอส-ไกลโซเฟตอย่างไม่มีเงื่อนไข หลังจากปักหลักชุมนุมอยู่หน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย. 2561 โดยระหว่างการเดินเท้ากลุ่มผู้ชุมนุมได้แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยการนำเชือกมาแขวนคอ พร้อมจุดธูปทำพิธีสาปแช่งหน่วยงานที่อนุญาตนำให้ใช้สารดังกล่าว

  โดยเสนอ 3 ข้อที่เรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีดังนี้
1. ขอให้นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายดำเนินการตามมติ 5 กระทรวงหลักและมิติกระทรวงสาธารณสุข
2. ขอให้นายกรัฐมนตรีสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการณรงค์ให้ประชาชนรับทราบถึงพิษภัยของสารเคมีในระบบการผลิตอาหารดังกล่าวอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
3. ขอให้นายกรัฐมนตรีสั่งการโดยทันทีไม่จำเป็นต้องตั้งกรรมการศึกษาตามที่ รมว.กษ. เสนอ เพราะการตั้งกรรมการเป็นเพียงเกมการถ่วงเวลาที่คนทั้งประเทศรับรู้

"อ.เจษฎาเตือน! สารเคมีจากเคสมือถือกลิตเตอร์อาจเสี่ยงผิวหนังไหม้-พุพอง"



     เคสโทรศัพท์มือถือชนิดที่สามารถใส่ของเหลว ทั้งแบบมีสีและไม่มีสี ผสมกลิตเตอร์ หรือกากเพชรวิววับ เป็นที่นิยมในหมู่คนไทย และชาวต่างชาติมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่เห็นทีจะไม่ปลอดภัย 100% เมื่อมีรายงานข่าวจากต่างประเทศว่า เด็กหญิง 9 ขวบ เกิดเหตุของเหลวจากเคสโทรศัพท์มือถือรั่วไหล สัมผัสบนผิวหนังขณะนอนหลับทับเคส ตื่นเช้ามาพบรอยไหม้ และพุพอง
     นอกจากนี้ ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังเตือนว่าหากผิวหนังสัมผัสของเหลวภายในเคสมือถือ ให้รีบล้างออกด้วยน้ำเปล่ามากๆ เพื่อป้องกันผิวหนังพุพองจากสารเคมี

"มาเลเซียเร่งตามหาถังกัมมันตรังสี สูญหายระหว่างขนส่ง"



        วันที่ 21 ส.ค.61 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม บรรจุภัณฑ์ใส่สารกัมมันตรังสี รูปทรงกระบอกขนาดใหญ่ หนัก 23 กิโลกรัมสูญหายไป จากท้ายรถกระบะคันหนึ่งระหว่างการขนส่ง จากเมืองเซเร็มบัน ไปยัง เมืองชาห์ อาลาม เมืองเอกของรัฐสลังงอร์ ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 60 กม. ส่งผลให้ทางการมาเลเซียกำลังเร่งติดตามหาบรรจุภัณฑ์ดังกล่าว เนื่องจากหวั่นเกรงว่าสารกัมมันตรังสีที่อยู่ภายในอาจแพร่กระจายจนก่อให้เกิดอันตรายได้ ทั้งนี้บรรจุภัณฑ์สารกัมมันตรังสีที่สูญหายไปนั้นคือสาร ‘อิริเดียม’ ไม่ทราบปริมาณ อาจฟุ้งกระจายสู่อากาศ หรือตกอยู่ในมือกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งสารดังกล่าว สามารถนำไปผลิตระเบิดนิวเคลียร์อย่างหยาบ ที่เรียกกันว่า ‘dirty bomb’ ได้


"อินโดฯ โหด! เตรียมจับนักโทษละเมิดทางเพศเด็ก ทำหมันด้วยสารเคมี"




     สำนักข่าวอัลจาซีรา รายงานว่า นายมูฮัมหมัด ปราเซตโย อัยการสูงสุดของอินโดนีเซียเผย ทางการเตรียมเพิ่มมาตรการลงโทษผู้ต้องหาที่กระทำความผิดล่วงละเมิดทางเพศเด็ก นอกเหนือจากการจำคุก ด้วยการฉีดสารเคมีที่ทำให้ผู้กระทำความผิดเป็นหมัน หลังจากที่อัตราคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ
     นายปราเซตโย กล่าวหลังจากที่เสร็จสิ้นการประชุมกับคณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของ นายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซียว่า "(บทลงโทษใหม่)มันจะช่วยให้คนที่จะกระทำความผิดคิดทบทวนก่อนที่เขาจะก่ออาชญากรรม"
     โดยขั้นตอนการลงโทษคือการฉีดฮอร์โมนเพศหญิงเข้าไปในร่างกายของผู้กระทำผิด ที่จะช่วยยับยั้งและลดความต้องการทางเพศ

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2561

"ทันโลกทันเหตุการณ์ กับแพทยสภา: การรักษามะเร็งด้วยการฉายรังสี"



        การรักษามะเร็งด้วยการฉายรังสีเป็นการนำเอารังสีมาใช้ประโยชน์ ทางการแพทย์ สามารถใช้รักษาเพียงลำพังหรือใช้ร่วมกับการรักษาอื่นๆ ได้ เช่น ผ่าตัด ยาเคมีบำบัด การใช้ยามุ่งเป้า (targeted therapy) เป็นต้นรังสีรักษาสามารถใช้ได้ในหลายระยะของโรคมะเร็ง และใช้ได้เพื่อการรักษาแบบหวังให้หายขาด (curative treatment) หรือ รักษาเพื่อประคับประคอง (supportive treatment)
       
       รังสีรักษา หรือ "การฉายแสง" ส่งผลให้เซลล์มะเร็งที่ได้รับรังสี มีการเปลี่ยนแปลงในระดับยีน โดยทั่วไปมักฉายแสงหลายครั้ง ในแต่ละครั้งที่ฉายแสง เซลล์มะเร็งจะสะสมความผิดปกติของยีนมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้มีการแบ่งตัวผิดปกติและเซลล์นั้นก็จะตายลงปกติแล้วการฉายแสงจะทำให้เนื้อเยื่อหรืออวัยวะปกติที่อยู่รอบๆ มีโอกาสโดนรังสีไปด้วย แต่สามารถใช้รังสีรักษาเพื่อฆ่ามะเร็งได้ เนื่องจากเซลล์ของเนื้อเยื่อปกติสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ จึงสามารถทนรังสีได้มากกว่าเซลล์มะเร็งนั่นเอง